หมดแพชชั่น “หมดแพชชั่นกับการทำงาน” นี่คือความรู้สึกที่ใครหลายคนบนโลกใบนี้เคยพบเจอ ไม่ว่าจะเป็นเพราะเราต้องเจอหัวหน้าที่ห่วยแตก
หมดแพชชั่น “หมดแพชชั่นกับการทำงาน” นี่คือความรู้สึกที่ใครหลายคนบนโลกใบนี้เคยพบเจอ ไม่ว่าจะเป็นเพราะเราต้องเจอหัวหน้าที่ห่วยแตก หรือ งานแต่ละวันที่ซ้ำซากจำเจ ความน่าเบื่อเหล่านี้ทำให้ใครหลายคนยอมยื่นซองขาว และเลือกจะเป็นคนตกงานอยู่บ้านเฉย ๆ
ดิโน่ บราโว่นักมวยปล้ำชาวแคนาดาที่โด่งดังในยุค 80s คือหนึ่งคนที่ผ่านความรู้สึกแบบนี้มา เมื่อเขาถูกใช้งานไม่ต่างจากตัวตลกในสมาคมมวยปล้ำหมายเลขหนึ่งของโลก เขาตัดสินใจหันหลังให้กับสังเวียนและเลือกเดินบนเส้นทางใหม่ที่ไม่มีใครคาดคิด
นี่คือเรื่องราวของคนที่สถานการณ์พาไป จนต้องเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของวงการมาเฟีย ก่อนพบกับจุดจบอันน่าเศร้า ในเหตุฆาตกรรมปริศนาที่ยังหาผู้กระทำผิดไม่ได้มาจนถึงทุกวันนี้ ฮัลค์ โฮแกน แห่งแคนาดา อดอลโฟ่ เบรสซิอาโน่ หรือที่แฟนมวยปล้ำรู้จักกันในนามบราโว่
เขาเป็นชาวอิตาเลียนที่เติบโตขึ้นมาในประเทศแคนาดา หลังครอบครัวอพยพจากบ้านเกิดในเขตอิตาลีใต้ สู่นครมอนทรีออล และนับตั้งแต่เขาเริ่มฝึกฝนมวยปล้ำสมัครเล่นเมื่ออายุ 12 ปี เส้นทางของดิโน่บนสังเวียนการต่อสู้ก็มีแต่คำว่ารุ่ง
เมื่ออายุ 22 ปี ดิโน่เริ่มต้นการเดินทางของเขาในวงการมวยปล้ำอาชีพ ด้วยการจับคู่กับโดมินิค บราโว่และขึ้นปล้ำในนามบราโว่ บราเธอร์ส ซึ่งในเวลานั้นเขาได้รู้จักกับ จิโน่ บริโต้ นักมวยปล้ำรุ่นเก๋าฝีมือดีที่โลดแล่นบนสังเวียนมาตั้งแต่ปี 1961
บราโว่จึงฝากตัวเป็นศิษย์กับบริโต้และพัฒนาเป็นคู่แท็กทีมในเวลาต่อมา การได้เคียงข้างนักมวยปล้ำรุ่นใหญ่ของแคนาดาอย่าง บริโต้ ช่วยพัฒนาชื่อเสียงของดิโน่ให้โด่งดังขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เหตุผลสำคัญจริง ๆ ที่ทำให้เขากลายเป็นซูเปอร์สตาร์ของมวยปล้ำแคนาดาคือตัว ดิโน่เอง
เพราะหากคุณมองไปยังรูปร่างของดิโน่ เขาคือชายสูง 180 เซนติเมตร หนักมากกว่า 100 กิโลกรัม เขาคือภาพสะท้อนของชายหนุ่มในอุดมคติที่มีความแข็งแกร่ง และมีเสน่ห์ล้นเหลือ แฟนมวยปล้ำที่ทันดูเขาในเวลานั้น กล่าวว่าดิโน่ บราโว่ไม่ต่างจาก แอ็กชั่น ฟิกเกอร์ ที่มีชีวิตและเดินได้
บราโว่จึงถูกผลักดันให้เป็นพระเอกของสมาคม ค่ายมวยปล้ำอันดับหนึ่งในรัฐควิเบก ประเทศแคนาดา ในช่วงต้นทศวรรษ 80s ซึ่ง ดิโน่กลายเป็นคำตอบที่ใช่ของสมาคมในเวลานั้น เขาคือซูเปอร์สตาร์อันดับหนึ่งของค่ายที่สามารถดึงดูดแฟนจำนวนมากให้มาตีตั๋วเข้าชมการแข่งขัน
ความสำเร็จตรงนี้เองทำให้เขากลายเป็นคนโปรดของ โทนี่ มูลี่ “มีคนเกือบ 2 ล้านคนดูรายการของเราในช่วงเช้าวันอาทิตย์ เราคือค่ายมวยปล้ำที่ยิ่งใหญ่มากในเวลานั้น เพราะในช่วงพีคของเรามี ริค มาร์เทล, คิง ทองก้า, พี่น้องรูโชส์, เดอะ ไจแอนท์
หมดแพชชั่น แต่ฟังนะบราโว่เขาคือนักมวยปล้ำเบอร์หนึ่งของเราในยุค 80s” มูลี่ ย้อนอดีตถึงวันอันยิ่งใหญ่ของบราโว่ มวย วันนี้
ดิโน่ บราโว่ นักมวยปล้ำชาวแคนาดาที่โด่งดังในยุค 80s คือหนึ่งคนที่ผ่านความรู้สึกแบบนี้มา
หมดแพชชั่น ชื่อเสียงที่มากล้นในฐานะฮีโร่ของชาวแคนาดา บวกกับความสนิทสนมหลังฉากกับผู้มีอำนาจในสมาคม ทั้ง บริโต้ และ มูลี่ ส่งผลให้ บราโว่ไม่เพียงแต่จะเป็นนักมวยปล้ำ เพราะเขายังก้าวไปทำงานในฐานะคนจัดแมตช์ ก่อนจะกลายเป็นเจ้าของร่วมของสมาคมในเวลาต่อมา
การทำงานในฐานะคนจัดแมตช์ หรือ บุ๊กเกอร์ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนอกจากคุณจะต้องรับผิดชอบในการสรรค์สร้างเนื้อเรื่องทั้งหมดที่ปรากฏขึ้นบนเวที บุ๊กเกอร์ยังต้องระวังไม่ให้เขียนบทไปเข้าข้างนักมวยปล้ำคนใดคนหนึ่งมากเกินไป
จนนักมวยปล้ำที่เหลือเละเทะและกลายเป็นตัวตลก ซึ่งมีโอกาสสูงมากที่ค่ายมวยปล้ำในลักษณะนี้จะเละเทะจนล่มสลายในเวลาไม่นาน บราโว่แสดงความเก่งกาจของเขาออกมาในเวลานี้ เพราะเขาเลือกฝ่าฝืนข้อห้ามในฐานะบุ๊กเกอร์
ด้วยการปั้นตัวเองเป็นซูเปอร์สตาร์ที่คอยปราบนักมวยปล้ำทุกรายที่ก้าวเท้าเข้าสู่สมาคม จนผงาดคว้าแชมป์แคนาดามาครองถึง 7 สมัย อย่างไรก็ดีความนิยมของกลับพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะ ดิโน่เข้าใจดีว่าสตาร์หมายเลขหนึ่งคือตัวเขาเอง
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ดิโน่เลือกจะขับเคลื่อนและเดินหน้าเนื้อเรื่องทั้งหมดรอบตัวเขาเอง “ฉันคิดว่าพ่อมีแพชชั่นกับกีฬามวยปล้ำมาก เขากระหายจะประสบความสำเร็จ และอยากจะมีชื่อเสียงมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อย ๆ” เคลาเดีย เบรสซิอาโน่ ลูกสาวของดิโน่กล่าว
แต่อย่างที่บอกไปแต่ต้นว่าการผลักดันตัวเองของบุ๊กเกอร์ไม่ได้เป็นเรื่องดี เพราะในท้ายที่สุดจะมีนักมวยปล้ำจำนวนมากไม่พอใจ และพร้อมจะแทงข้างหลังอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นกับ บราโว่เมื่อนักมวยปล้ำของทยอยกันออกจากสมาคม
เพื่อเดินทางไปค้นหาความสำเร็จใหม่ในสหรัฐอเมริกา และนำมาสู่จุดล่มสลายของในเวลาต่อมา ฝันร้าย วงการมวยปล้ำเปลี่ยนไปแบบไม่มีวันหวนกลับในปี 1985 เมื่อสมาคมหมายเลขหนึ่งของโลก ประสบความสำเร็จในการจัดศึก นำมาสู่แผนการในการกว้านซื้อค่ายมวยปล้ำขนาดเล็ก
ทั้งหมดในทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งอเป็นหนึ่งในเป้าหมายของ วินซ์ แม็คแมน ไม่มีใครอยากสูญเสียค่ายมวยปล้ำของตน บราโว่ก็เช่นเดียวกัน เขาพยายามทุกทางที่จะต่อต้านอำนาจของ วินซ์ แม็คแมน แต่การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ต่างจากแมวที่ต้องฟัดกับเสือ
เนื่องจากเงินมหาศาลที่มากเกินกว่าใครจะจินตนาการ สามารถหว่านล้อมและดูดนักมวยปล้ำฝีมือดีของมาได้ ทั้ง ริค มาร์เทล, คิง ทองก้า, พี่น้องรูโชส์ และ เดอะ ไจแอนท์ อันที่จริงต้องเรียกว่าซื้อนักมวยปล้ำเกือบทั้งหมดของ ก็น่าจะเป็นคำพูดที่เหมาะสมกว่า
ดิโน่คือ หนึ่งในไม่กี่คนที่ยืนหยัดอยู่กับแต่ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เขามีทางเลือกอยู่สองทาง ระหว่างต่อสู้กับสมาคมเบอร์หนึ่งของโลกจนลมหายใจสุดท้าย หรือตัดสินใจเข้าร่วมกับศัตรู ท่ามกลางภาระหน้าที่ที่ต้องดูแลภรรยาและลูก
บราโว่เลือกทางที่ดีที่สุดกับครอบครัว เขาจึงยอมเซ็นสัญญาและปิดฉากไปตลอดกาล ในปี 1987 “เช่นเดียวกับชาวอิตาเลียนทุกคน หัวหน้าครอบครัวมีหน้าที่ต้องดูแลครอบครัว ต้องช่วยเหลือครอบครัว และต้องปกป้องครอบครัวของตัวเอง” ดิอาน่า ริเวสต์ ภรรยาของดิโน่กล่าว หลังสามีตัดสินใจรับเงิน 3 แสนดอลลาร์สหรัฐ จากการเซ็นสัญญา
ดิโน่เจอเพื่อเก่ามากมายหลายคนในห้องแต่งตัว แต่เขาไม่เคยให้อภัยคนเหล่านั้นที่หันหลังให้แก่มันเห็นได้ชัดเจนว่าดิโน่ ยังไม่พร้อมจะเปิดรับสภาพแวดล้อมใหม่กับสมาคมใหม่ และยังยึดติดอยู่กับวันคืนอันหอมหวานที่เคยมี ซึ่งความสุขของเขากำลังจะลดน้อยลงไปอีก
หมดแพชชั่น เมื่อสุดยอดนักมวยปล้ำชาวแคนาดา ต้องถูกปรับแต่งคาแร็กเตอร์ให้เข้ากับโลกการ์ตูนเขาถูกจับย้อมผมบลอนด์ และพลิกบทบาทให้ไปเป็นนักมวยปล้ำฝ่ายอธรรมชาตินิยมจากรัฐควิเบก แทนจะเป็นฮีโร่ขวัญใจคนดูเหมือนแต่ก่อน สมฉายา