นักชกต้นแบบ จิติณัฐ อัษฎามงคล ประธาน วัน แชมเปียนชิพ ประเทศไทย ชู “แสตมป์ แฟร์แท็กซ์” เป็นต้นแบบนักมวยหญิงไทยที่ก้าวสู่ระดับโลก

นักชกต้นแบบ จิติณัฐ อัษฎามงคล ประธาน วันแชมเปียนชิพประเทศไทย ชู แสตมป์เป็นต้นแบบนักมวยหญิงไทยที่ก้าวสู่ระดับโลก ชี้แมตซ์สำคัญที่มีคิวดวลกับ “ริตู โฟกาต” จากอินเดีย ในศึกวัน: วินเตอร์ วาร์เรียส

แฟนกีฬาชาวไทยทั่วประเทศรอเชียร์ แสตมป์นักสู้สาวตัวแทนประเทศไทย ในการขึ้นสังเวียนชิงแชมป์วัน เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นอะตอมเวตหญิง รอบชิงชนะเลิศ ปะทะมวยปล้ำตัวแม่ “ริตูโฟกาต” วัย 27 ปี จากอินเดีย ในศึกวัน: วินเตอร์ วาร์เรียส

ซึ่งจะมีขึ้นในวันศุกร์ที่ 3 ธ.ค.64 ที่ สิงคโปร์ อินดอร์ สเตเดียม ประเทศสิงคโปร์ นักสู้สาววัย 24 ปี โชว์ฝีมือให้โลกได้เห็นมาแล้วจากการเป็นอดีตแชมป์โลกวัน มวยไทยและคิกบ็อกซิ่ง ดังนั้นในศึก เวิลด์ กรังด์ปรีซ์

ซึ่งใช้ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน หรือเอ็มเอ็มเอ หากเธอคว้าแชมป์ได้สำเร็จ ก็จะขึ้นแท่นผู้ท้าชิงรายต่อไปของตัวแม่รุ่นอะตอมเวตคนปัจจุบันอย่าง “แองเจลา ลี” ซึ่งเป็นเป้าหมายจุดสูงสุดบนเส้นทางเอ็มเอ็มเอ ของเธอ

นายจิติณัฐ อัษฎามงคล ประธานวัน แชมเปียนชิพ ประเทศไทย กล่าวว่า “แสตมป์ถือเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักมวยไทยผู้หญิงในประเทศไทย โดยก่อนหน้านี้มวยไทยผู้หญิงส่วนมากจะชกกันแค่ตามต่างจังหวัด ไม่มีเวทีใหญ่ ๆ รองรับ

และในประเทศไทยก็ไม่มีการต่อสู้ชนิดอื่นให้ได้แข่งขันมากนัก การที่แสตมป์ได้มาสู้ ในวันแชมเปียนชิพ จึงเป็นการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า นักมวยหญิงไทยก็มีศักยภาพที่สูงในระดับโลก ที่สำคัญไม่ได้เก่งเฉพาะมวยไทย

นักชกต้นแบบ แต่ยังสามารถใช้เทคนิคที่มีปรับเปลี่ยนไปแข่งขันในคิกบ็อกซิ่งรวมถึง เอ็มเอ็มเอที่กำลังจะขึ้นชิงฯ รายการนี้อีกด้วย” มวย วันนี้

นักชกต้นแบบ

แสตมป์มีมูลค่าที่สูงขึ้นจนพูดได้ว่าเป็นนักมวยหญิงไทยที่ทำรายได้สูงที่สุด

นักชกต้นแบบ “การที่แสตมป์ สามารถแข่งขันได้หลายประเภท ทำให้มีโอกาสมากขึ้น และลูกเล่นตอนเปิดตัว ก่อนขึ้นชกที่มีเสน่ห์ ไม่ใช่แค่เดินขึ้นมาชกอย่างเดียวแล้วจบไป รวมถึงยังสามารถใช้โซเชียลมีเดียโปรโมตตัวเอง ได้อย่างน่าติดตาม

ทำให้ทุกคนได้ เห็นทั้งความเก่งและความน่ารัก จนมีแฟนคลับติดตามมากมาย และเป็นที่จับตาของฐานคนดูทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา สิ่งเหล่านี้ทำให้แสตมป์ มีมูลค่าที่สูงขึ้นจนพูดได้ว่าเป็นนักมวยหญิงไทยที่ทำรายได้สูงที่สุดในตอนนนี้” นายจิติณัฐ เผย

ประธาน วันแชมเปียนชิพ ประเทศไทย ยังเชื่อว่า แมตช์ระหว่าง แสตมป์และ “ริตู โฟกาต” ในวันศุกร์ที่ 3 ธ.ค.นี้ จะสนุกและน่าติดตามเป็นอย่างมาก เนื่องจากทั้งสองคนมีสไตล์ การต่อสู้ที่แตกต่างกันชัดเจน และมีจุดเด่นเป็นของตัวเอง

“การสู้เอ็มเอ็มเอ จะใช้ศิลปะแบบผสมผสาน แสตมป์มีความโดดเด่นด้านมวยไทย การใช้หมัด เข่า ศอก แต่ ริตู เป็นสไตล์มวยปล้ำมาก่อน เธอเติบโตมา จากครอบครัว นักมวยปล้ำที่โด่งดัง อย่างมากในประเทศอินเดีย

ดังนั้นจึงเป็นบททดสอบของทั้งคู่ว่าใครจะแก้เกมคู่แข่ง หรือคุมเกมของตัวเอง ได้ดีกว่ากัน และหากแสตมป์ สามารถคว้าแชมป์ได้ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาส ให้กับตัวเองในอนาคต รวมถึงโอกาสที่จะได้ปะทะกับ แองเจลา ลี ซูเปอร์สตาร์ของวงการ ที่คนทั่วทั้งโลก

จะต้องจับตามอง ด้วยเช่นกัน” จิติณัฐ ทิ้งท้าย สำหรับการพบกันระหว่าง “แสตมป์พบกับ ริตูโฟกาต” ถือเป็นคู่รองของรายการวัน : วินเตอร์วาร์เรียส ซึ่งมีชิงชัยกันทั้งหมด 6 คู่ ประกอบด้วย คู่เอกเป็นการป้องกัน ตำแหน่งแชมป์โลกวัน

คิกบ็อกซิ่ง รุ่นไลต์เวต ของ รีเกียน เออร์เซล กับผู้ท้าชิง อิสลาม มูร์ตาซาเอฟ, ชิว เจียนเหลียง พบ ฮิโรกิ อากิโมโตะ (คิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต), ทิโมเฟย์ นาสติวคิน พบ เซยิด กูเซน อาร์สลานาลิเอฟ (เอ็มเอ็มเอ รุ่นไลต์เวต),

นักชกต้นแบบ คัง จี วอน พบ มาร์คัส อัลเมดา (เอ็มเอ็มเอ รุ่นเฮฟวีเวต) และ ฮู หยง พบ ยูยะ วากามัตสึ (เอ็มเอ็มเอรุ่นฟลายเวต) เกินความคาดหมาย