เปิดตัวชกอาชีพ นิโก้ อาลีวอลช์กำปั้นดาวรุ่งชาวสหรัฐฯ หลานชายของ มูฮัมหมัด อาลี

เปิดตัวชกอาชีพ หมัดหนักเหมือนปู่ นิโก้ อาลีหลาน มูฮัมหมัด อาลีเปิดตัวชกอาชีพไฟต์แรก กลายเป็นที่จับตามองในวงการกำปั้นทันทีสำหรับ นิโก้ อาลีวอลช์กำปั้นดาวรุ่งชาวสหรัฐฯ หลายชายแท้ๆ ของ มูฮัมหมัด อาลีนักชกระดับตำนาน แชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวต ที่ขึ้นสังเวียนมวยอาชีพเป็นครั้งแรก

โดย กำปั้นวัย 21 ปี เดินตามรอยเท้าของคุณปู่ผู้ล่วงลับได้อย่างน่าประทับใจ หลังขึ้นสังเวียน ฮาร์ด ร็อก โฮเทล, ทัลซ่า พบกับ จอร์แดน วีคส์ นักชกวัย 29 ปี ที่ประสบการณ์เหนือกว่า (ชนะ 4 แพ้ 1) ในพิกัดรุ่นมิดเดิ้ลเวต ทำผลงานได้ดี

อย่างไรก็ตาม เกมการชกจบลงเพียงแค่ยกแรกเท่านั้น เมื่อ นิโก้ อาลีออกสเต็ปฟุตเวิร์ค ดักปล่อยหมัดฮุกขวาเข้าเต็มคางส่ง จอร์แดน วีคส์ หล่นลงไปให้กรรมการนับ 8 ก่อนคู่ชกจะกัดฟันลุกขึ้นมาสู้ต่อ เปิดตัวชกอาชีพ

จากนั้น นิโก้ อาลีไม่ปล่อยโอกาสทองเดินติดปล่อยหมัดหนักๆ เล่นงานเป็นชุด ทำให้กรรมการตัดสินใจยุติการชกหลังมองว่าคู่ชกไม่สามารถสู้ต่อได้ คว้าชัยไฟต์เปิดตัวโดยใช้เวลาเพียงแค่ 70 วินาทีเท่านั้น เปิดตัวชกอาชีพ

หลังการชก กำปั้นดาวรุ่งชาวสหรัฐฯ เปิดใจว่า มันเป็นการเดินทางที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ทั้งหมดนี้เป็นไปตามความคาดหวังของผม และแน่นอน คุณปู่ของผม ผมคิดถึงท่านมาก เปิดตัวชกอาชีพ

มวยรุ่นเฮฟวี่เวต มันน็อกกันง่าย คนที่ดูเลยติดภาพจำนั้น แต่คุณคอยดูรุ่นไลท์เวตให้ดีเถอะ ตอนนี้คือรุ่นน้ำหนักที่เต็มไปด้วยสุดยอดนักชกที่น่าตื่นเต้นมากที่สุดแล้ว

ไมค์ ไทสัน อดีตแชมป์โลกเฮฟวี่เวตผู้ยิ่งใหญ่แสดงถึงทรรศนะของมวยรุ่นน้ำหนักที่เขาเชื่อว่าจะสนุกและมีคุณภาพที่สุดในยุคนี้ นั่นคือ ไลท์เวต 

สำหรับนักชกที่หนักไม่เกิน 135 ปอนด์ อาจจะไม่ได้เห็นการน็อกเอาต์กันบ่อย แต่ในดิวิชั่นน้ำหนักนี้คือศูนย์รวมความมันที่รวมนักชกดีกรีแชมป์ไว้มากมาย 

เปิดตัวชกอาชีพ

และนี่คือเรื่องราวที่ทำให้คุณไม่อยากพลาดมวยรุ่นน้ำหนักนี้ ยักษ์เล็ก ไล่ยักษ์ใหญ่ 

ไลท์เวต คือชื่อของรุ่นน้ำหนัก 1 ใน 8 รุ่นหลัก โดยกำหนดน้ำหนักไว้ระหว่าง 130-135 ปอนด์ (59-61.2 กิโลกรัม) จากน้ำหนักที่กล่าวมาค่อนข้างเห็นได้ชัดว่านี่คือมวยรุ่นเล็กค่อนไปทางกลาง ที่สปอตไลท์ไม่ค่อยส่องมาทางนี้มากมายนักจนกระทั่งมาพีคสุด ๆ ในช่วงยุค 80 เปิดตัวชกอาชีพ

อย่างที่ ไมค์ ไทสัน ได้กล่าวไว้ มวยรุ่นเฮฟวี่เวต มันน็อกกันง่าย คนที่ดูเลยติดภาพจำนั้น นี่คือความจริงที่ว่าทำไมมวยรุ่นยักษ์ถึงถูกใจคนดูและถูกพูดถึงมากกว่ารุ่นอื่น ๆ โดยพื้นฐานของคนดูมวยนั้น สิ่งที่พวกเขาคาดหวังจากการดูคือการได้เห็นนักมวยซัดกันหนัก ๆ ต่อยกันทีหน้าโยก ล้มลงไปกองให้โดนนับสิบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เห็นได้ง่ายที่สุดในรุ่นเฮฟวี่เวต เพราะน้ำหนักหมัดผันแปรไปตามน้ำหนักตัว โดนทีเป็นหลับได้ง่าย ๆ 

นอกจากความหนักหน่วงถูกจริตคอมวยแล้ว เฮฟวี่เวต ยังเป็นศูนย์รวมนักชกที่มีเสน่ห์และมีชื่อเสียงมาตลอด ไล่มาตั้งแต่ยุคแรกเริ่มในช่วง ยุค 1920 จาก แจ็ค เดมพ์ซี่ย์ ส่งต่อมายัง โจ หลุยส์, ร็อคกี้ มาร์เซียโน่, มูฮัมหมัด อาลี, โจ เฟรเซียร์, จอร์จ โฟร์แมน, อีแวนเดอร์ โฮลีฟิลด์ และ ไมค์ ไทสัน ในช่วงยุค 1990 

นักมวยทั้งหมดที่กล่าวมาไม่ใช่แค่ชกเก่ง แต่ยังมีวิธีชกที่ดูสนุกด้วย พวกเขาเป็นมวยบู๊ต่อยมัน แม้จะเป็นรุ่นยักษ์ แต่ก็มีความเร็วและออกหมัดบ่อย อีกทั้งเรื่องของชื่อเสียงนอกสนามในระดับซูเปอร์สตาร์ และมีอิทธิพลแง่มุมอื่น ๆ ของโลก พวกเขาทั้งหมดจึงเป็นภาพจำที่ทำให้มวยรุ่นเฮฟวี่เวตนั้นเป็นรุ่นที่ไร้เทียมทานที่สุด และทิ้งให้มวยรุ่นน้ำหนักอื่น ๆ กลายเป็นพระรองไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ 

จนกระทั่งเมื่อถึงยุค 1980 มวยรุ่นไลท์เวต ของคนน้ำหนักเบาก็ถูกมองในมุมใหม่ เมื่อเกิด สตาร์ ตัวจริงของรุ่นไลท์เวตอย่าง โรแบร์โต้ ดูรัน เจ้าของฉายา ไอ้หมัดหินแห่งปานามา ที่ทำสถิติป้องกันแชมป์ได้ถึง 12 ครั้ง และทำให้ ดูรัน กลายเป็นที่รู้จักของคนทั้งโลก แม้กระทั่งคนไม่ดูมวยก็ยังร้องอ๋อได้ง่าย ๆ เมื่อได้ยินชื่อของเขา

วิธีชกของ ดูรัน มีชั้นเชิง หนักหน่วง ที่สำคัญคือต่อยสนุกได้ใจคนดู ซึ่งเมื่อมีความสนุกนำหน้าแล้ว คนดูอย่างเราก็จะอยากดูมันอย่างตั้งใจมากขึ้น จากนั้นโลกจึงได้เห็นเสน่ห์ของมวยรุ่นไลท์เวตหรือรุ่นกลาง ๆ โดยเฉพาะในเรื่องของเทคนิค ที่แสดงออกมามากกว่ารุ่นน้ำหนักอื่น ๆ ด้วยความที่รุ่นนี้ถือเป็นรุ่นน้ำหนักกลาง ๆ เทียบเท่ากับผู้ชายทั่วไปส่วนใหญ่ มันมองเห็นภาพอะไรได้หลายอย่าง ทั้งความเร็ว การชิงจังหวะ ฟุตเวิร์ก และเทคนิคการชกที่ต้องแม่นยำจริง ๆ เพราะนักมวยทั้งคู่มีเป้าให้ชกน้อยมากตามน้ำหนักตัว ดังนั้นนี่คือความสนุกอีกแบบที่ต่างจากรุ่นเฮฟวี่เวต ซึ่งไม่จำกัดน้ำหนัก ไม่มีการเพิ่มน้ำหนัก ไม่มีการลดลงมาเพื่อชกในรุ่นที่เล็กกว่า 

จาก ดูรัน มวยรุ่นเล็กค่อนไปทางกลางเริ่มฉายแววมากขึ้นเรื่อย ๆ ในยุคต่อมา ไม่ว่าจะเป็น ฮูลิโอ เซซาร์ ชาเวซ, ออสการ์ เดอ ลา โฮย่า, ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ และ แมนนี่ ปาเกียว ก็ถือว่าเป็นดาวเด่นที่ผ่านรุ่นน้ำหนักนี้กันมาแล้วทั้งสิ้น นักชกที่มีชื่อเสียงเหล่านี้นำมาซึ่งความสนุกในเชิงกลยุทธ์ บางคนเป็นมวยบ็อกเซอร์ บางคนเป็นไฟเตอร์ ยิ่งในยุคที่มีนักชกเก่ง ๆ มากระจุกกันอยู่ในรุ่นนี้ แถมนักชกแต่ละคนก็ดังในวงกว้าง จึงทำให้ไลท์เวตเป็นรุ่นน้ำหนักที่น่าสนใจ และกลายเป็นที่นิยมไม่แพ้รุ่นเฮฟวี่เวตเลยด้วยซ้ำ https://www.mmajacked.com