สู่ไฟต์เดียว เรื่องสำคัญที่สุดของวงการมวยสากลรอบอาทิตย์ก่อนหน้าที่ผ่านมา อาจหนีไม่พ้น ความแพ้พ่ายของ “แมนนี่ ปาเกียว” ตำนานนักต่อยชาวฟิลิปปินส์ 

สู่ไฟต์เดียว เรื่องสำคัญที่สุดของวงการมวยสากลรอบอาทิตย์ก่อนหน้าที่ผ่านมา อาจหนีไม่พ้น ความแพ้พ่ายของ “แมนนี่ ปาเกียว” ตำนานนักต่อยชาวฟิลิปปินส์ ต่อ ยอร์เดนิส อูกาส ในแมตช์ชิงชนะเลิศโลกรุ่นเวลเตอร์เวตของสโมสรมวยโลก (ดับเบิ๊ลยูบีเอ)

เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ นับว่าเป็นจังหวะดีที่จะเชิญให้เราย้อนนึกถึงไฟต์ประวัติศาสตร์เมื่อ 22 ปีกลาย ซึ่งนับว่าเป็นคราวแรก ครั้งเดียว รวมทั้ง ครั้งสุดท้าย ที่นักต่อยคนไทยเอาชนะ ปาเกียวได้สำเร็จ แมน สแตน จะพาคุณไปดูเรื่องราวของไฟต์

ระหว่างปาเกียว กับ เม็ดเงิน สังสุราชที่วุ่นวายตั้งแต่ตอนชั่งน้ำหนัก จนกระทั่งเอามาสู่ผลของการแข่งขันที่ยังคงถูกกล่าวถึงกระทั่งปัจจุบันนี้ ก่อนที่จะปราชัยนักชกไทย ถ้าเกิดเรื่องราวการต่อสู้ของปาเกียว กับ เม็ดเงิน สังสุราช (หรือชื่อเต็ม บุญใส สังสุราช) เกิดขึ้น

เพราะเหตุว่าปัญหาบนตาชั่ง รวมทั้งสิ้นสุดลงด้วยความแพ้พ่ายของนักต่อยชาวฟิลิปปินส์ พวกเราคงจะจำเป็นต้องบอกว่าปาเกียว ดูเหมือนจะผิดโฉลกกับความวุ่นวายในหัวข้อการชั่งน้ำหนัก เนื่องจากความแพ้พ่ายทีแรกในฐานะนักชกมวยระดับมืออาชีพของเขาก็มีสาเหตุมาจากปัญหาที่ตรงนี้

ปาเกียวเริ่มต้นชกมวยอาชีพในปี 1995 ด้วยวัยเพียงแต่ 16 ปี เขาตระเวนชกมวยทั่วฟิลิปปินส์ จนถึงเปลี่ยนเป็นนักต่อยรุ่นไลต์ฟลายเวตที่ดีเยี่ยมที่สุดในบ้านกำเนิด จากการคว้าแชมป์รวด 11 นัดหมายติด รวมทั้งเพื่อแผนการที่ใหญ่มากยิ่งกว่า

ปาเกียวตกลงใจขยับเขยื้อนตัวเองจากรุ่นไลท์ฟลายเวต 108ปอนด์ สู่รุ่นฟลายเวต ซึ่งมีพิกัดน้ำหนักไม่เกิน 112ปอนด์ ปาเกียวในวัยชายหนุ่มก็เลยฟิตกล้ามเพิ่มน้ำหนักตัวเอง หวังซัดกับนักชกคู่ปรปักษ์ รัสติโก ตอร์เรคัมโป ที่ด้อยกว่าปาเกียวอย่างแน่ชัด

เนื่องจากว่าเคยแพ้น็อกมาแล้ว 4 ครั้ง แถมยังน็อกเอาต์คู่แข่งได้เพียงแค่ 5 ครั้ง และไม่ได้ชกมวยสากลเป็นอาชีพหลัก แม้กระนั้นขึ้นชกเพื่อหารายได้เป็นรายได้พิเศษแค่นั้น ไฟต์แรกของปาเกียวในรุ่นฟลายเวต ก็เลยไม่มีความต่างจากการหาหมูมาให้เฉือน

เพื่อทำคะแนนไต่อันดับ แม้กระนั้นจุดหักเหสำคัญอยู่ที่ตรงนี้ สู่ไฟต์เดียว เพราะว่าการชกไฟต์ดังที่กล่าวถึงแล้วเป็นแมตช์แบบ “แชทไวท์” หรือแมตช์ที่กฏเกณฑ์น้ำหนักไม่เป็นไปตามกำหนดเริ่มแรก โดยแมตช์นี้พิกัดน้ำหนักอยู่ที่ไม่เกิน 111ปอนด์

น้อยกว่าพิกัดฟลายเวต 112 ปอนด์ตามธรรมดา ทำให้ปาเกียวมีน้ำหนักเกินคู่ปรปักษ์แบบไม่ถูกกฎกติกา ปาเกียวจึงถูกลงโทษให้สวมนวมน้ำหนัก 8 ออนซ์ขึ้นชก ขณะที่ตอร์เรคัมโปสวมนวมน้ำหนัก 6 ออนซ์ นี่คือความแตกต่างน้อยนิดแต่มหาศาล

การออกหมัดของปาเกียวเสียเปรียบคู่แข่งอย่างชัดเจน และเป็นตอร์เรคัมโปที่ฉกฉวยความได้เปรียบนี้ ปล่อยหมัดซ้ายเข้าบริเวณลำตัวของปาเกียวในการชกยกที่ 3 เขาร่วงลงไปกองกับพื้นและไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้อีก นี่คือความพ่ายแพ้นัดแรกของแพ็ค-แมน

ความพ่ายแพ้ครั้งนั้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของปาเกียว แน่นอนว่า ในทางที่ดีขึ้น เพราะหลังจากนั้น ปาเกียวฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงจุดอ่อนของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการออกหมัดที่ต้องเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น

เพราะเขากลายเป็นมวยไร้พิษสง เพียงเพราะน้ำหนักนวมที่ต่างออกไป และยังรวมไปถึงการเสริมความแข็งแกร่งของหน้าท้อง ซึ่งเป็นเป้าโจมตีของคู่ต่อสู้ กล่าวกันว่า ปาเกียวซิทอัพถึงวันละ 1,000 ครั้ง หลังจากความพ่ายแพ้นัดดังกล่าว

ความทุ่มเท ความมุ่งมั่นตรงนี้ ทำให้ปาเกียวกลับมาผงาดในฐานะสุดยอดนักชกรุ่นฟลายเวต เขาคว้าชัยชนะ 15 ไฟต์รวด นับตั้งแต่นั้น รวมถึงชัยชนะเหนือ ฉัตรชัย สาสะกุล ในปี 1998 และคว้าแชมป์โลก ดับเบิ๊ลยูบีเอ รุ่นฟลายเวตมาครอง

สู่ไฟต์เดียว หลังชนะน็อกนักชกชาวไทยในยกที่ 8 ซึ่งถือเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาชีพของปาเกียวในขณะนั้น มวย วันนี้

สู่ไฟต์เดียว

ที่สำคัญคือ นี่ถือเป็นเข็มขัดแชมป์โลกเส้นแรกของแพ็ค-แมน อีกด้วย

สู่ไฟต์เดียว ปาเกียว และ เม็ดเงิน หลังจากคว้าแชมป์โลกดับเบิ๊ลยูบีซี รุ่นฟลายเวต ปาเกียวที่อยู่ในวัย 20 ต้นๆ กำลังเป็นมวยคะนองที่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในขณะนั้น คือการตระเวนทั่วโลกเพื่อป้องกันเข็มขัดในมือ

โดยปาเกียวเริ่มต้นจากชัยชนะเหนือ กาเบรียล ไมร่า นักชกจากเม็กซิโก เป็นการป้องกันแชมป์ครั้งแรกของเขา ปาเกียวพักจากสังเวียนเพื่อเตรียมตัว และฟื้นฟูร่างกายราว 5 เดือน ไฟต์ต่อไปของเขาในเดือนกันยายน 1999

คือการเดินทางมายังอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อป้องกันแชมป์โลกกับเม็ดเงิน ซึ่งขณะนั้นใช้ชื่อว่า “เม็ดเงิน3 เคแบตเตอรี่” นักมวยจากจังหวัดร้อยเอ็ด ที่มีเป้าหมายนำเข็มขัดแชมป์เส้นดังกล่าวกลับสู่เมืองไทยอีกครั้ง

ไฟต์นี้ได้รับการจับตามมองจากแฟนมวยเป็นอย่างมาก ไม่ใช่แค่เพราะปาเกียวคือมวยแกร่ง ที่ทำฟอร์มไร้พ่ายมา 15 ไฟต์ติด ส่วนทาง เม็ดเงินก็กำลังมาแรงสุดๆเช่นกัน นักมวยชาวไทยยังไม่เคยแพ้ใครก่อนหน้านั้น แถมยังชนะมา 18 ไฟต์รวด

ซึ่งเป็นการชนะแบบน็อกเอาต์ 11 ครั้ง แถมทั้งสองยังอายุเท่ากันที่ 21 ปีอีกด้วย การพบกันครั้งนี้ของปาเกียว และ เม็ดเงินจึงเดิมพันด้วยศักดิ์ศรีของสองชาติระหว่างนักมวยฟิลิปปินส์กับนักมวยไทย สองดาวรุ่งจากประเทศไหนจะแข็งแกร่งกว่ากัน?

แต่ยังไม่ทันจะได้ชมการชกที่คนทั่วโลกรอคอย เรื่องวุ่นวายกลับเกิดขึ้นบนตาชั่งน้ำหนักอีกครั้ง ปาเกียวเจ้าของแชมป์โลกดับเบิ๊ลยูบีซี ที่ฟิตปั๋งในวัย 21 ปี กลับไม่สามารถทำน้ำหนักได้ตามกำหนด 112 ปอนด์ของรุ่นฟลายเวต

เพราะน้ำหนักของเขาเกินจากพิกัดที่กำหนดไว้ นักชกชาวฟิลิปปินส์ขึ้นชั่งน้ำหนักถึง 5 ครั้ง เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นความผิดพลาดของตาชั่งหรือตัวนักชก ท้ายที่สุด ผลการชั่งทั้ง 5 ครั้ง แสดงผลลัพธ์เอกฉันท์ว่าปาเกียวไม่สามารถทำน้ำหนักตัวได้ตามกำหนด

เขาถูกปลดจากตำแหน่งแชมป์โลกดับเบิ๊ลยูบีซี รุ่นฟลายเวต แต่การชกไฟต์ดังกล่าว จะยังคงมีอยู่ต่อไปตามสิทธิ์ผู้ท้าชิงของเม็ดเงิน หมายความว่า ปาเกียวจะขึ้นชกโดยไร้ความหมาย ส่วนเม็ดเงินไม่มีอะไรจะเสีย และมีทุกอย่างให้ไขว่คว้า

นั่นคือ ตำแหน่งแชมป์โลก เมื่อการชกเริ่มต้นขึ้น สถานการณ์ที่ออกมาไม่เป็นไปตามที่หลายคนคาด ปาเกียวกลายเป็นฝ่ายไล่ถลุงนักชกชาวไทย ราวกับว่า เขายังมีเข็มขัดแชมป์โลกเป็นเดิมพัน แฟนมวยหลายคนมองเห็นความโกรธเกรี้ยวของปาเกียว

ที่ถูกปลดแชมป์ตั้งแต่ยังไม่ทันขึ้นชก และความไม่พอใจนี้แสดงให้เห็นตั้งแต่สิ้นเสียงระฆังแรกในการต่อสู้ แต่จนแล้วจนรอด ความโกรธเกรี้ยวเพียงอย่างเดียวก็ไม่เพียงพอจะทำให้คว้าชัยชนะ และไม่อาจเอาชนะความมุ่งมั่นของผู้ท้าชิงได้

นับตั้งแต่ยกสองเป็นต้นมา เม็ดเงินเป็นฝ่ายกุมความได้เปรียบ ก่อนฉากจบของการต่อสู้จะเกิดขึ้นในยกที่สาม สู่ไฟต์เดียว เมื่อเม็ดเงินไล่ต้อนปาเกียวติดเชือก แล้วออกหมัดขวาใส่บริเวณลำตัว จุดอ่อนเดิมที่เคยทำให้ปาเกียวพ่ายแพ้

ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ปาเกียวไม่สามารถทนความเจ็บปวดได้ไหว เขาลงไปกองกับพื้น กรรมการสั่นระฆังเป็นการตัดสินแบบ ทีเคโอ ทันที เม็ดเงินกลายเป็นแชมป์โลกดับเบิ๊ลยูบีซี รุ่นฟลายเวตคนใหม่ ถือเป็นครั้งแรกครั้งเดียว และ ครั้งสุดท้ายที่นักชกชาวไทยเอาชนะแมนนี่ ปาเกียวได้สำเร็จ

ความจริงหลังตาชั่ง หากย้อนมองกลับไปจากปี 2021 ชัยชนะของนักมวยชาวไทยเหนือแมนนี่ ปาเกียวอาจทำให้คนทั่วโลกประหลาดใจ แต่ถ้าย้อนกลับไปเวลานั้น ชัยชนะของเม็ดเงินที่เหนือตำนานชาวฟิลิปปินส์ ไม่ได้เกินความคาดหมายขนาดนั้น

เพราะในปี 1999 ปาเกียวยังไม่ใช่ปาเกียวที่โด่งดังแบบทุกวันนี้ ส่วนผลงานและชื่อชั้นของเม็ดเงินนั้นถือว่าสูสีกับปาเกียว ดั่งที่เราได้กล่าวไป แต่ความประหลาดใจที่ถูกพูดถึงจริงๆคือเรื่องราวบนตาชั่ง ว่าเหตุใดนักชกระดับแชมป์โลกที่สภาพร่างกายฟิตเปรี๊ยะด้วยวัย 21ปี

ถึงไม่สามารถกดน้ำหนักตัวเองลงตามพิกัด 112 ปอนด์ของรุ่นฟลายเวตได้? เว็บไซต์ เคยเขียนตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเอาไว้ว่า “ผมสงสัยว่ามันเป็นไปได้จริงหรือที่ปาเกียวจะประมาท จนไม่สามารถทำน้ำหนักได้ตามพิกัดที่กำหนด

แต่ตอนนั้นเขาก็ยังเด็กมาก และอาจจะทำผิดพลาดตรงนี้จริงๆ เนื่องจากความรับผิดชอบต่ออาชีพของตัวเองที่ยังไม่มากพอ” เห็นได้ชัดว่า ข้อสังเกตข้างต้นสื่อถึงความจริงที่อาจเป็นไปได้สองทาง อย่างแรกคือ ปาเกียวในวัยหนุ่มประมาท และทำน้ำหนักพลาดเอง

อย่างที่สองคือ เกิดอะไรไม่ชอบมาพากลขึ้น เพราะอย่างที่รู้ว่า ไฟต์นี้เกิดขึ้นในประเทศไทยซึ่งเป็นบ้านของผู้ท้าชิง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีทฤษฎีสมคบคิดเกิดขึ้นได้ คนที่จะตอบความจริงที่เกิดขึ้นได้ดีที่สุด คงหนีไม่พ้นแมนนี่ ปาเกียวเอง

ซึ่งเขาเคยพูดถึงเบื้องหลังการเสียแชมป์ครั้งนี้กับช่องโทรทัศน์ในประเทศฟิลิปปินส์ว่า เป็นความผิดพลาดของเขาเองในเรื่องการทำน้ำหนัก ไม่ได้เกี่ยวข้องกับฝ่ายจัดการแข่งขันหรือผู้ท้าชิงชาวไทยแต่อย่างใด “ตอนนั้นผมน้ำหนักมากเกินไป

ผมไม่สามารถทำน้ำหนักตามพิกัดได้ และพวกเขาก็เอาเข็มขัดไปจากผม” ปาเกียวให้สัมภาษณ์กับ แอนโทนี ตาเบอร์นา พิธีกรชื่อดังชาวฟิลิปปินส์ “ร่างกายของผมไม่สามารถฟื้นฟูได้อย่างเต็มที่ ผมจึงบอกกับตัวเองว่า ผมจะก้าวสู่รุ่นน้ำหนักที่สูงขึ้นไป

และหันหลังให้กับรุ่นฟลายเวต ผมคิดกับตัวเองเสมอว่า เราจะชนะไฟต์นี้ไปทำไม?” คำพูดของปาเกียวสอดคล้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงหลังจากนั้น เพราะการชกกับเม็ดเงินคือไฟต์สุดท้ายของเขาในรุ่นฟลายเวต สู่ไฟต์เดียว ก่อนจะก้าวสู่รุ่นซูเปอร์แบนตั้มเวต (หรือ จูเนียร์เฟเธอร์เวต) 122ปอนด์

และก้าวไปคว้าแชมป์ดับเบิ๊ลยูบีซี อินเตอร์เนชั่นเนล จากชัยชนะเหนือ เรย์นันเต้ เจมิลิ ในไฟต์ถัดมา ซึ่งเป็นก้าวแรกของการเดินทางสู่สหรัฐอเมริกาในเวลาต่อมา ทางฝั่งของ เม็ดเงินนั้น หลังจากเอาชนะปาเกียวได้สำเร็จ เขาป้องกันแชมป์โลกดับเบิ๊ลยูบีซี รุ่นฟลายเวตได้ 1 สมัย

ก่อนเสียแชมป์ให้แก่ มัลคอม ทูญาเกา นักชกจากฟิลิปปินส์ หลังจากนั้นเม็ดเงินจึงก้าวสู่รุ่นซูเปอร์ฟลายเวต 115ปอนด์ และคว้าแชมป์เอเชียจากสมาคม เอบีซี มาครองได้สำเร็จ แถมยังคว้าชัยชนะอีก 37ครั้ง นับจากที่ชนะปาเกียว

แต่ไม่มีครั้งไหนที่พาเขากลับไปสู่การชิงแชมป์โลกอีกเลย แม้เส้นทางของปาเกียว และ เม็ดเงินหลังจากไฟต์ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จะดำเนินไปคนละทิศละทาง แต่เราไม่สามารถพูดได้เลยว่า “เม็ดเงินชนะเพราะปาเกียวไม่เอาจริง” หรือ “เม็ดเงิน

ชนะเพราะปาเกียวสู้แบบไร้แรงบันดาลใจ” เพราะท้ายที่สุดแล้ว นักสู้ทุกคนย่อมใส่เกินร้อยบนสังเวียน และชัยชนะก็ตกเป็นของนักมวยจากประเทศไทย ชัยชนะของเม็ดเงิน เหนือ ปาเกียวจึงถือเป็นหน้าประวัติศาสตร์ที่ถูกบันทึกไว้ในวงการมวยสากล

สู่ไฟต์เดียว ถึงสุดยอด 8 นักชกที่เคยล้มแพ็ค-แมน บนสังเวียนได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเม็ดเงิน สังสุราชนักชกจากประเทศไทยที่สร้างความภูมิใจให้คนทั้งชาติ เดิมพันแชมป์